เมืองโบราณอาณาจักรพยู มรดกโลกแห่งแรกของพม่า
ผลจากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 38 ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ที่ผ่านมา มีการประกาศรายชื่อมรดกโลกแห่งใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 20 แห่ง โดยแบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 19 แห่ง และมรดกโลกทางธรรมชาติ 1 แห่ง ซึ่งมาจากประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา
เมืองโบราณอาณาจักรพยู
มรดกโลกแห่งแรกของพม่า
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ มีการประกาศมรดกโลกแห่งใหม่ที่อยู่ในพม่า โดยถือเป็นมรดกโลกแห่งแรกที่อยู่ในพม่า อีกด้วย นั่นคือ กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู (Pyu Ancient Cities) ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ซึ่งกลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู จะรวมไปถึงพื้นที่ของเมืองโบราณศรีเกษตร (Sri Ksetra) เปียทะโนมโย (Peikthanomyo) และหะลินยี (Halingyi) ที่สร้างขึ้นในยุคเดียวกัน ประมาณพุทธศตวรรษที่ 4
“ชาวพยู” คือใคร?
ชาวพยู เป็นชนชาติที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนชาวพม่าดั้งเดิม แต่นักวิชาการบางท่านก็ว่า “ชาวพยู เป็นชาวพม่าแท้จริง100เปอร์เซนต์!” โดยอาชีพหลักของชาวพยู คือ การทำเกษตรกรรม ด้วยความที่ดินในบริเวณที่ชาวพยูตั้งถิ่นฐานอยู่นั้น มีลักษณะเป็นที่ราบสูง (คล้ายๆ ภาคอีสานบ้านเรา) ถึงแม้จะมีแม่น้ำไหลผ่าน แต่ในหน้าร้อน ก็แห้งเหือด แต่ชาวพยูก็มีความสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายได้ โดยการทำวิธีการผันน้ำ จากแม่น้ำอิรวดี และแม่น้ำสายรอง เข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำเกษตรกรรม และยังมีการขุดคูคลองรอบๆ เมือง พร้อมอ่างเก็บน้ำ เพื่อไว้ใช้น้ำในยามหน้าแล้ง
เมื่อความเจริญของชาวพยูไม่หยุดลงเพียงเท่านี้ ชาวพยูได้เริ่มจับกลุ่มรวมกันสร้างอาณาจักรขนาดใหญ่ขึ้นมา มีชื่อว่า “อาณาจักรศรีเกษตร”
ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ขนาดกว้างขวาง กินพื้นที่เกือบทั้งหมดของลุ่มน้ำอิรวดี โดยอาณาจักรศรีเกษตรนี้ ได้รับอิทธิพล ในเรื่องของภาษา ศิลปะ สถาปัตยกรรม และ พระพุทธศาสนาจากประเทศอินเดีย โดยศูนย์กลางหลักของอาณาจักรนี้ ตั้งอยู่ที่เมือง “ศรีเกษตร” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับอาณาจักร แน่นอนว่า ศรีเกษตร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกล่าสุด เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ร่องรอยอารยธรรมบริเวณใกล้เคียงศรีเกษตร อย่างเมืองเบคถาโน และเมืองฮาลิน ซึ่งทั้ง 3 เมือง ได้ถูกผนึกรวมกันแล้วขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งแรกของพม่า ในชื่อ เมืองโบราณอาณาจักรพยู (Pyu Acient Cities)
แต่ในปัจจุบันนี้ ทั้งศรีเกษตร เบคถาโน และ ฮาลิน แทบจะไม่หลงเหลือความยิ่งใหญ่ ในแหล่งโบราณคดีแห่งนี้ มีเพียงซากปรักหักพัง ของโบราณสถาน เพราะยังไม่มีการจัดการที่ดีพอ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ คือเจดีย์ ซากเมืองโบราณ คูน้ำ กำแพงเมือง ที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ปัจจุบันนี้ แหล่งโบราณคดีเมืองเก่าของชาวพยู คงจะได้รับการดูแลที่ดีขึ้น จาก Unesco และประเทศพม่าเอง เพราะต่อไปนี้ เมืองโบราณแห่งนี้ ไม่ได้เป็นสมบัติของพม่าประเทศเดียวแล้ว แต่นับต่อจากนี้ เมืองเก่านับพันปีแห่งนี้ จะเป็นสมบัติของคนทั้งโลก ที่ต้องช่วยกันดูแลรักษาสืบต่อไป
ข้อมูลและภาพ : unesco.org / http://pantip.com/topic/32234675 / wiki
เรียบเรียงโดย Travel MThai
เรียบเรียงโดย Travel MThai
https://travel.mthai.com/world-travel/87302.html
มรดกโลกในเมียนมาร์ 1 : กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู
ประเภท : มรดกโลกด้านวัฒนธรรม
ปีที่ขึ้นทะเบียน : พ.ศ. 2557
ชื่อเป็นทางการ : กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู (Pyu Ancient Cities)
ที่ตั้ง : ประเทศเมียนมาร์
เรียบเรียง : เสถียรพงศ์ ใจเย็น
ชาวพยู เป็นชนชาติดั้งเดิมที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนชาวพม่า มีอาชีพหลักในการทำเกษตรกรรม บริเวณถิ่นฐานที่ชาวพยูตั้งอยู่นั้นมีลักษณะเป็นที่ราบสูง ถึงแม้จะมีแม่น้ำไหลผ่าน แต่ในหน้าร้อนก็แห้งเหือด แต่ชาวพยูก็มีความสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายได้ โดยการทำวิธีการผันน้ำจากแม่น้ำอิรวดีและแม่น้ำสายรอง เข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำเกษตรกรรม และยังมีการขุดคูคลองรอบๆ เมือง พร้อมอ่างเก็บน้ำ เพื่อไว้ใช้น้ำในยามหน้าแล้ง เมื่อมีความเจริญมากขึ้น ชาวพยูรวมกันสร้างอาณาจักรขนาดใหญ่ขึ้นมา มีชื่อว่า “อาณาจักรศรีเกษตร”
อาณาจักรศรีเกษตรเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ขนาดกว้างขวาง กินพื้นที่เกือบทั้งหมดของลุ่มน้ำอิรวดี โดยอาณาจักรศรีเกษตรนี้ ได้รับอิทธิพล ในเรื่องของภาษา ศิลปะ สถาปัตยกรรม และ พระพุทธศาสนาจากประเทศอินเดีย โดยสันนิษฐานว่าชื่อเมืองศรีเกษตร อาจได้มาจากชื่อเมืองโบราณในอินเดีย คือเมืองปุรี ในแคว้นโอริสสา
เมืองศรีเกษตรปัจจุบันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองแปร นอกจากนี้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันยังพบหลักฐานการก่อตั้งชุมชนของชาวพยูในเมืองเบคถาโนซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองพุกามประมาณ 100 กิโลเมตร และเมืองฮาลินอยู่ทางทิศเหนือของเมืองมัณฑะเลย์ ก่อนที่จะเสื่อมไป เนื่องจากถูกกลุ่มคนไตจากน่านเจ้ายกกองทัพลงมาตีและกวาดต้อนผู้คนชาวพยูไปอยู่ที่เมืองจาตุง ตอนใต้ของจีนบริเวณเมืองคุณหมิงปัจจุบัน
หลักฐานทางสถาปัตยกรรมของชาวพยู ซึ่งเชื่อว่าเป็นรากฐานของงานสถาปัตยกรรมของชนชาติพม่า พบที่เมืองศรีเกษตร ได้แก่ เจดีย์ขนาดใหญ่แบบก่อตัน เป็นเจดีย์ทรงระฆังชื่อว่าเจดีย์บอบอจี (Bawbaw Gyi) และเจดีย์ปะยาจีย์ (Pya Gi) ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นแบบให้กับงานสถาปัตยกรรมของพม่าในยุคต่อ ๆ มา ได้แก่ เจดีย์ชเวดากอง มิงกาลาเจดีย์ เจดีย์ธรรมยันสิกะ และเจดีย์วิหาร เป็นสิ่งก่อสร้างจากอิฐที่มีลักษณะรวมกันระหว่างเจดีย์ก่อตันและอาคาร(วิหาร) ที่เข้าไปใช้สอยพื้นที่ภายในในการประกอบพิธีกรรมได้ เจดีย์วิหารที่สำคัญ ได้แก่ วิหารเบเบจี (Bebe Gyi) และวิหารเลเมียทนา (Limyethna) อาคารลักษณะนี้เชื่อว่าพัฒนาไปเป็นเจดีย์วิหารที่มีขนาดใหญ่ในสมัยพุกามต่อมา นอกจากนี้ยังพบหลักฐานงานประติมากรรมที่ทำจากหินสลัก ประติมากรรมดินเผา ซึ่งพบว่าเป็นดินชนิดเดียวกับอิฐที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารและเจดีย์ ประติมากรรมสำริด โดยมีการพบหลักฐานชิ้นสำคัญคือ ประติมากรรมสำริดกลุ่มนักดนตรีและนักเต้นรำ โดยที่ท่ารำนั้นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับอารยธรรมอินเดียอย่างใกล้ชิด
จากหลักฐานที่พบ จึงนับได้ว่าชนชาติพยู เป็นชนชาติที่มีความสำคัญในการวางรากฐานงานสถาปัตยกรรมให้กับผู้คนยุคหลังของพม่าเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมอินเดียนำมาปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม วิถีชีวิตของตนอย่างเหมาะสม
แต่ในปัจจุบันนี้ ทั้งศรีเกษตร เปียทะโนมโย และหะลินยี แทบจะไม่หลงเหลือความยิ่งใหญ่ ในแหล่งโบราณคดีแห่งนี้ มีเพียงซากปรักหักพัง ของโบราณสถาน เพราะยังไม่มีการจัดการที่ดีพอ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ คือเจดีย์ ซากเมืองโบราณ คูน้ำ กำแพงเมือง ที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ปัจจุบันนี้ แหล่งโบราณคดีเมืองเก่าของชาวพยู คงจะได้รับการดูแลที่ดีขึ้น จากยูเนสโกและประเทศพม่าเอง เพราะเมืองโบราณแห่งนี้ ไม่ได้เป็นสมบัติของประเทศพม่าเท่านั้น แต่เมืองเก่านับพันปีแห่งนี้จะเป็นสมบัติของคนทั้งโลก ที่ต้องช่วยกันดูแลรักษาสืบต่อไป
modern publishing.“ปยู ชนชาติผู้สร้างรากฐานทางสถาปัตยกรรมของพม่า” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา
http://www.modernpublishing.co.th/ปยู (4 สิงหาคม 2557)
Travel MThai.“เมืองโบราณอาณาจักรพะยู มรดกโลกแห่งแรกของพม่า” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา
http://travel.mthai.com/uncategorized/87302.html (4 สิงหาคม 2557)
UNESCO World Heritage Centre. “Pyu Ancient Cities” [online]. Available http://whc.unesco.org/en/list/1444/ (4 สิงหาคม 2557)
http://aseannotes.blogspot.com/2014/08/blog-post_9.htmlปีที่ขึ้นทะเบียน : พ.ศ. 2557
ชื่อเป็นทางการ : กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู (Pyu Ancient Cities)
ที่ตั้ง : ประเทศเมียนมาร์
เรียบเรียง : เสถียรพงศ์ ใจเย็น
กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู (PYU ANCIENT CITIES)
ที่มาและความสำคัญ
กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู (Pyu Ancient Cities) ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งแรกของเมียนมาร์ โดยรวมไปถึงพื้นที่ของเมืองโบราณศรีเกษตร (Sri Ksetra) เปียทะโนมโย (Peikthanomyo) และหะลินยี (Halingyi) ที่สร้างขึ้นในยุคเดียวกัน ในราวพุทธศตวรรษที่ 4
ภาพจาก: whc.unesco.org/en/list/1444/
อาณาจักรศรีเกษตรเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ขนาดกว้างขวาง กินพื้นที่เกือบทั้งหมดของลุ่มน้ำอิรวดี โดยอาณาจักรศรีเกษตรนี้ ได้รับอิทธิพล ในเรื่องของภาษา ศิลปะ สถาปัตยกรรม และ พระพุทธศาสนาจากประเทศอินเดีย โดยสันนิษฐานว่าชื่อเมืองศรีเกษตร อาจได้มาจากชื่อเมืองโบราณในอินเดีย คือเมืองปุรี ในแคว้นโอริสสา
เมืองศรีเกษตรปัจจุบันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองแปร นอกจากนี้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันยังพบหลักฐานการก่อตั้งชุมชนของชาวพยูในเมืองเบคถาโนซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองพุกามประมาณ 100 กิโลเมตร และเมืองฮาลินอยู่ทางทิศเหนือของเมืองมัณฑะเลย์ ก่อนที่จะเสื่อมไป เนื่องจากถูกกลุ่มคนไตจากน่านเจ้ายกกองทัพลงมาตีและกวาดต้อนผู้คนชาวพยูไปอยู่ที่เมืองจาตุง ตอนใต้ของจีนบริเวณเมืองคุณหมิงปัจจุบัน
ภาพจาก: whc.unesco.org/en/list/1444/
หลักฐานทางสถาปัตยกรรมของชาวพยู ซึ่งเชื่อว่าเป็นรากฐานของงานสถาปัตยกรรมของชนชาติพม่า พบที่เมืองศรีเกษตร ได้แก่ เจดีย์ขนาดใหญ่แบบก่อตัน เป็นเจดีย์ทรงระฆังชื่อว่าเจดีย์บอบอจี (Bawbaw Gyi) และเจดีย์ปะยาจีย์ (Pya Gi) ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นแบบให้กับงานสถาปัตยกรรมของพม่าในยุคต่อ ๆ มา ได้แก่ เจดีย์ชเวดากอง มิงกาลาเจดีย์ เจดีย์ธรรมยันสิกะ และเจดีย์วิหาร เป็นสิ่งก่อสร้างจากอิฐที่มีลักษณะรวมกันระหว่างเจดีย์ก่อตันและอาคาร(วิหาร) ที่เข้าไปใช้สอยพื้นที่ภายในในการประกอบพิธีกรรมได้ เจดีย์วิหารที่สำคัญ ได้แก่ วิหารเบเบจี (Bebe Gyi) และวิหารเลเมียทนา (Limyethna) อาคารลักษณะนี้เชื่อว่าพัฒนาไปเป็นเจดีย์วิหารที่มีขนาดใหญ่ในสมัยพุกามต่อมา นอกจากนี้ยังพบหลักฐานงานประติมากรรมที่ทำจากหินสลัก ประติมากรรมดินเผา ซึ่งพบว่าเป็นดินชนิดเดียวกับอิฐที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารและเจดีย์ ประติมากรรมสำริด โดยมีการพบหลักฐานชิ้นสำคัญคือ ประติมากรรมสำริดกลุ่มนักดนตรีและนักเต้นรำ โดยที่ท่ารำนั้นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับอารยธรรมอินเดียอย่างใกล้ชิด
เจดีย์บอบอจี (Bawbaw Gyi Pagoda) ในศรีเกษตร ซึ่งเป็นต้นแบบของเจดีย์ในยุคพุกาม
ภาพจาก: en.wikipedia.org/wiki/Pyu_city-states
จากหลักฐานที่พบ จึงนับได้ว่าชนชาติพยู เป็นชนชาติที่มีความสำคัญในการวางรากฐานงานสถาปัตยกรรมให้กับผู้คนยุคหลังของพม่าเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมอินเดียนำมาปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม วิถีชีวิตของตนอย่างเหมาะสม
แต่ในปัจจุบันนี้ ทั้งศรีเกษตร เปียทะโนมโย และหะลินยี แทบจะไม่หลงเหลือความยิ่งใหญ่ ในแหล่งโบราณคดีแห่งนี้ มีเพียงซากปรักหักพัง ของโบราณสถาน เพราะยังไม่มีการจัดการที่ดีพอ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ คือเจดีย์ ซากเมืองโบราณ คูน้ำ กำแพงเมือง ที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ปัจจุบันนี้ แหล่งโบราณคดีเมืองเก่าของชาวพยู คงจะได้รับการดูแลที่ดีขึ้น จากยูเนสโกและประเทศพม่าเอง เพราะเมืองโบราณแห่งนี้ ไม่ได้เป็นสมบัติของประเทศพม่าเท่านั้น แต่เมืองเก่านับพันปีแห่งนี้จะเป็นสมบัติของคนทั้งโลก ที่ต้องช่วยกันดูแลรักษาสืบต่อไป
ซากเมืองโบราณของอาณาจักรพยูที่ยังคงเหลืออยู่
www.buriramguide.in.th/90565/ท่องเที่ยว/ท่องเที่ยวรอบโลก/
เมืองโบราณอาณาจักรพยู-มรดกโลกแห่งแรกของพม่า.html
ที่ตั้ง
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองแปร ประเทศพม่า
ที่ตั้งของเมืองศรีเกษตร เปียทะโนมโย และหะลินยี ในยุคโบราณ
(ii) เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆ ของโลกไว้ซึ่งวัฒนธรรม
(iii) เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
(iv) เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
อ้างอิง
บูรพา โชติช่วง. “มรดกโลกพม่า” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www.siamrath.co.th/web/?q=มรดกโลกพม่าบูรพา-โชติช่วง (4 สิงหาคม 2557)
ที่ตั้งของเมืองศรีเกษตร เปียทะโนมโย และหะลินยี ในยุคโบราณ
การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพะยู ได้รับการจัดตั้งให้เป็นมรดกโลก จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 38 ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา จำนวน 3 ข้อ ดังนี้(ii) เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆ ของโลกไว้ซึ่งวัฒนธรรม
(iii) เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
(iv) เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
อ้างอิง
บูรพา โชติช่วง. “มรดกโลกพม่า” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www.siamrath.co.th/web/?q=มรดกโลกพม่าบูรพา-โชติช่วง (4 สิงหาคม 2557)
modern publishing.“ปยู ชนชาติผู้สร้างรากฐานทางสถาปัตยกรรมของพม่า” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา
http://www.modernpublishing.co.th/ปยู (4 สิงหาคม 2557)
Travel MThai.“เมืองโบราณอาณาจักรพะยู มรดกโลกแห่งแรกของพม่า” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา
http://travel.mthai.com/uncategorized/87302.html (4 สิงหาคม 2557)
UNESCO World Heritage Centre. “Pyu Ancient Cities” [online]. Available http://whc.unesco.org/en/list/1444/ (4 สิงหาคม 2557)