วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ดูให้รู้ : วาซาบิ 400 ปี ดีจากต้นตระกูล (13 มี.ค. 59)

ดูให้รู้ : วาซาบิ 400 ปี ดีจากต้นตระกูล (13 มี.ค. 59)
ในอดีตการปลูกวาซาบิให้ได้ผลดี รสชาติดี ยากมาก เพราะการผสมพันธุ์ต้องรอการแตกหน่อเท่านั้น แต่นักวิจัยได้พยายามคิดค้นจนสามารถขายพันธุ์ด้วยการใช้เมล็ดได้แล้ว แต่การจะปลูกให้ได้ดีต้องคัดเลือกสายพันธุ์ให้เหมาะกับแหล่งน้ำด้วย ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กันถึงจะได้วาซาบิชั้นดี และควรจะปลูกในพื้นที่เป็นขั้นบันได เพราะน้ำจะไหลระบายได้ดี ทั้งหมดนี้สามารถหาชมได้ที่จังหวัดชิซูโอกะ และคุณฟูจิจะพาพวกเราไปสัมผัสวาซาบิแท้ ๆ จากกลางหุบเขาเลย



Soul Food สูตรลับ...จับใจ : ความลับของ "วาซาบิ" 17 พ.ค.58 (1/3)


Soul Food สูตรลับ...จับใจ : ความลับของ "วาซาบิ" 17 พ.ค.58 (2/3)


Soul Food สูตรลับ...จับใจ : ความลับของ "วาซาบิ" 17 พ.ค.58 (3/3)



Ultimate Wasabi Guide ★ ONLY in JAPAN 究極のワサビ #28 17 เม.ย. 2015



ติดตาม 1.1M

Let's travel to a valley in the Japanese alps in Nagano to get some organically grown wasabi from the farm! Just how is wasabi grown? Daio Wasabi Farm is one of Japan's largest and is a great place to find out – and try wasabi cuisine! There are few produce directly associated with Japan. Wasabi is one of the most widely known and the flavor is found more and more in snacks because of it's spicy kick. It's also used in sushi, mixed in the soy sauce. There is a big different between the processed wasabi found in some restaurants and the fresh kind which is traditionally ground on a shark skin grater and collected. The color and smell. The texture and taste. Why does fresh wasabi cost so much? It takes between 12 to 18 month to grow one and there is no telling what size it will be when pulled from the ground. The wasabi needs to be in the shade and have constant fresh water. The minerals from the melted snows of the Japanese alps surrounding Daio Wasabi Farm are perfect to make the worlds most delicious wasabi. What else can you do at the wasabi farm? You can hike around the beautiful area and also grab a bite to eat in the food plaza. They have: Wasabi beer Wasabi ice cream Wasabi burger Wasabi don Wasabi juice Wasabi wine Wasabi leaf salad Wasabi croquet and yes ... just plain wasabi! This is wasabi heaven! Daio Wasabi Farm URL: http://www.daiowasabi.co.jp/ (Japanese only) This show has been created and produced by John Daub ジョン・ドーブ. He's been living and working in Japan for over 17 years and regularly reports on a TV show for Japan's International Channel.

Growing Wasabi Inside 12 ส.ค. 2015



ติดตาม 260

Mountain View Wasabi presents growing wasabi inside your home or green house. Tips tricks and how to be successful. For more information check out mountainviewwasabi.com



Malcolm Island wasabi, an unusual crop for the Canadian climate | We Are The Best 1 ธ.ค. 2017



ติดตาม 213K

Did you know that the wasabi you eat with your sushi is not the real thing? A Canadian botanist has the secret recipe for growing genuine wasabi in North America. Chef Ricardo Larrivée visits his farm and gets a taste of the world’s most expensive Japanese plant – and the most difficult one to grow.

Visit to a Rare Wasabi Farm 25 เม.ย. 2012



ติดตาม 142K

There are only 4 Wasabi farms in North America. The Wasabi plant is difficult to grow commercially, and because of its value, these farms tend to be hidden from public view. Join us as we visit a Wasabi farm in Oregon, whose only commercial crop are two varieties of Wasabi: Daruma and Mazuma.




“วาซาบิ” ของดีญี่ปุ่น คนไทยหัวใสผลิตขายทั่วโลก

เผยแพร่:    โดย: MGR Online












นายปรีชา โกวิทยา









นายปรีชา โกวิทยา

การรับประทานปลาดิบกับวาซาบิ ถือเป็นของคู่กัน แต่ใครจะเชื่อว่าเครื่องเคียงประจำประเทศญี่ปุ่นอย่าง “วาซาบิ” จะถูกส่งออกมาจากประเทศไทยล้วนๆ จากฝีมือคนไทย และวัตถุดิบที่เคยปลูกในไทยในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ แม้ขณะนี้ไม่ได้ใช้พื้นที่ในไทยปลูกแล้วก็ตาม แต่คนไทยยังถือเป็นผู้ส่งออกวาซาบิส่งขายทั่วโลกเช่นเดิม 
แนวความคิดในการผลิตวาซาบิเพื่อจำหน่ายนั้น นายปรีชา โกวิทยา กรรมการผู้จัดการบริษัท ลานนาโปรดักส์ จำกัด ได้ย้อนอดีตให้ฟังว่า เมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีเพื่อนชาวญี่ปุ่นได้บอกว่าขณะนี้วาซาบิ เริ่มขาดตลาด และราคาก็พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอาหารญี่ปุ่นในช่วงนั้นเริ่มกระจายไปทั่วโลก ส่งผลให้สิ่งที่ต้องรับประทานคู่กับอาหารญี่ปุ่นอย่างวาซาบิ เป็นที่ต้องการของทั่วโลก ดังนั้นเพื่อสนองความต้องการของตลาด เพื่อนชาวญี่ปุ่นจึงชักชวนให้ปลูกต้นวาซาบิในประเทศไทย ซึ่งนายปรีชา ก็ตกลงทันที ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นต้นวาซาบิมาก่อน และไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับงานเกษตรใดๆ เลย










วาซาบิผง สะดวกในการพกพา









วาซาบิผง สะดวกในการพกพา

“เมื่อผมตัดสินใจปลูกต้นวาซาบิ เพื่อนจึงให้หาพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกต้นวาซาบิ คือ พื้นที่ต้องเย็น มีน้ำ และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,600 เมตรขึ้นไป โดยพื้นที่ที่เหมาะสมในขณะนั้นคือที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งผมก็ได้ตั้งโรงงานปลูกพืชผักเมืองหนาวควบคู่ไปด้วย แต่เมื่อปลูกต้นวาซาบิไปได้สักระยะหนี่ง ทำให้ผมมีประสบการณ์จากการหาความรู้ด้านนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้รู้ว่าแม้ประเทศไทยจะปลูกวาซาบิได้ แต่คุณภาพอาจเทียบไม่ได้กับวาซาบิต้นตำรับที่ปลูกในญี่ปุ่น เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ต้องดูแลเป็นพิเศษ ให้ปลอดภัยจากแมลง และควบคุมผลผลิตให้ได้ตามต้องการ ซึ่งสุดท้ายจากปัญหาที่ตามมา ทำให้ผมตัดสินใจหาพื้นที่ปลูกต้นวาซาบิ แห่งใหม่ โดยเริ่มที่ลาว ได้ 2 ปี แต่ก็ต้องล้มเหลว จึงย้ายมาที่อินโดนีเซีย เนื่องจากมีทำเลที่ค่อนข้างเหมาะสม เพราะมีอากาศเย็น ในขณะเดียวกันก็มีภูเขาที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,000 เมตร คือ ที่เมืองเซมารัง (Samarung)”










วาซาบิหลอดง่ายต่อการรับประทาน









วาซาบิหลอดง่ายต่อการรับประทาน

เมื่อนายปรีชา ต้องประสบกับปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องพื้นที่เหมาะสมในการปลูกต้นวาซาบิ สุดท้ายก็มาลงตัวที่ประเทศอินโดนีเซีย ที่ปลูกแล้วได้ผลผลิตดีกว่าเมืองไทย ต่อมานายปรีชา ก็ค้นพบว่า ที่ตรงไหนสามารถปลูกชาได้ ก็ปลูกวาซาบิได้เช่นกัน ฉะนั้นทำเลอย่างประเทศจีนจึงเหมาะสมที่สุด เพราะจีนเป็นประเทศที่ผลิตชาเป็นอันดับต้นๆ ของโลก










วาซาบิผงในอีกแพคเกจ









วาซาบิผงในอีกแพคเกจ

ที่ประเทศจีนเราปลูกที่คุนหมิงก่อน และขยับไปที่ยูนาน ต้าลี่ และลี่เจียง ซึ่งขณะนี้พื้นที่รวมประมาณกว่า 1,000 ไร่ ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่ได้ปลูกเอง แต่เป็นการรับซื้อจากเกษตรกรโดยตรง ซึ่งแตกต่างจากประเทศอินโดนีเซีย ที่เราต้องเช่าที่ปลูก แต่ที่จีนรับซื้ออย่างเดียว ไม่ต้องเสียค่าเช่าที่ ดังนั้นเมื่อผมเห็นศักยภาพที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้านของจีน ทำให้ลดพื้นที่ปลูกลงเรื่อยๆ และคาดว่าภายในปีนี้ (2551) จะย้ายพื้นที่ปลูกมาที่ประเทศจีนทั้งหมด โดยต้องการลดต้นทุนการผลิตในทุกด้าน เช่น การขนส่ง ค่าแรงงาน และโรงงานผลิต ที่ปัจจุบันได้ย้ายมาที่จีนเกือบ 100% แล้ว”










วาซาบิซอส พร้อมรับประทาน









วาซาบิซอส พร้อมรับประทาน

สำหรับในไทยถือว่าวาซาบิที่คนไทยรับประทานอยู่ในขณะนี้ มาจากบริษัทลานนาโปรดักส์ล้วนๆ รวมถึงวาซาบิที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นจึงไม่แปลกที่นายปรีชา จะได้รับรางวัล 'Bualuang SME Awards' จากธนาคารกรุงเทพ ด้วยความโดดเด่นทางด้านการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูงอย่างต่อเนื่อง 










ซอส สำหรับรับประทานคู่กับวาซาบิ ก็ทำส่งออกด้วยเช่นกัน








ซอส สำหรับรับประทานคู่กับวาซาบิ ก็ทำส่งออกด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันบริษัท ลานนาโปรดักส์ จำกัด เรียกได้ว่าเป็นผู้นำด้านวาซาบิแบบครบวงจรของไทย เพราะนอกจากจะทำวาซาบิที่รับประทานกับปลาดิบ ตามแบบฉบับที่คนไทยคุ้นเคยแล้ว นายปรีชา ยังผลิตผงวาซาบิ วาซาบิก้อนเปียกบรรจุซอง หัววาซาบิสดสำหรับส่งออก และซอสวาซาบิ สำหรับรับประทานกับสเต็ก ซึ่งการปรับเปลี่ยนรูปแบบวาซาบินี้ เพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานวาซาบิร่วมกับอาหารหลากหลายประเภท และเพื่อสะดวกในการขนส่งและพกพา









ซอส สำหรับรับประทานกับอาหารซีฟู๊ด อีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่สร้างชื่อให้กับบริษัทฯ








ซอส สำหรับรับประทานกับอาหารซีฟู๊ด อีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่สร้างชื่อให้กับบริษัทฯ

***สนใจติดต่อ 0-5358-1170-5 หรือที่ www.lannaproducts.com***

https://mgronline.com/smes/detail/9510000102816

ทำธุรกิจวาซาบิ คิดแบบนักเคมี             
 
โดย นภาพร ไชยขันแก้ว


“วาซาบิ” ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งสมุนไพรของประเทศญี่ปุ่น ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย แม้ว่าวาซาบิจะมีต้นกำเนิดมาจากดินแดนปลาดิบ แต่ผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ที่ป้อนคนญี่ปุ่นกว่า 60 ล้านคน มาจากบริษัทไทย 


วาซาบิ เป็นหนึ่งในเครื่องปรุงรสที่มี คุณสมบัติโดดเด่น โดยเฉพาะ “ความรู้สึกขึ้นจมูก” เมื่อรับประทานกับซูชิและเนื้อปลาสดๆ ประกอบกับคุณประโยชน์ด้านสุขภาพจึงทำให้วาซาบิได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในร้านอาหารญี่ปุ่น ที่กระจายอยู่ในทั่วโลก 

บริษัท ลานนาโปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกวาซาบิ มีประสบการณ์ทำธุรกิจกว่า 20 ปี โดยมีปรีชา โกวิทยา วัย 59 ปี ในฐานะประธานผู้บุกเบิกร่วมกับบริษัท ว๊อกเทรดดิ้ง จำกัด พันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น 

ซองวาซาบิขนาดเล็ก กว้างXยาวประมาณ 2 นิ้ว มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ wasabi และภาษาไทย “วาซาบิ” พร้อมคำว่า Product of Thailand อยู่ด้านล่าง เป็นสินค้าที่ตลาดโลกต้องการเป็นอย่างมาก และจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 30 ในอนาคตอัน ใกล้ วาซาบิจึงกลายเป็นโอกาสของบริษัท ลานนาโปรดักส์ 

ปรีชาเล่าว่า บริษัท ลานนา โปรดักส์ฯ ก่อตั้งอยู่ในจังหวัดลำพูน ผลิต “วาซาบิแท้” และ “วาซาบิเทียม” ป้อนให้กับตลาดญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 66 ล้านบาท มีรายได้กว่า 300 ล้านบาท 

ในช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจบริษัทได้นำวาซาบิมาทดลองปลูกในจังหวัดเชียงใหม่ บนภูเขาสูงเพราะวาซาบิต้องปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น มีอุณหภูมิไม่เกิน 20 ํC แต่ไม่ประสบ ความสำเร็จเนื่องจากขาดน้ำ ทำให้ขาดทุนกว่า 60-70 ล้านบาท 

แต่บริษัทไม่ได้หยุดการลงทุนและย้ายไปลงทุน ในประเทศอินโดนีเซีย บนเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 4,000 เมตร มี 2 ฤดูกาล คือฤดูที่ฝนตกมากและฝนตกน้อย ทำให้ได้ผลผลิตดี แต่หลังจากปลูกได้ 7-8 ปี เริ่มมีพ่อค้าชาวจีนจากคุนหมิงนำวาซาบิมาขายต้นทุนถูกกว่า บริษัทจึงตัดสินใจรับซื้อและลดกำลังการผลิตในประเทศอินโดนีเซีย 

ด้วยความต้องการบริโภควาซาบิเพิ่มขึ้นในตลาดโลก ทำให้ไม่สามารถ ผลิตวาซาบิจากธรรมชาติได้เพียงพอ จึงทำให้ผู้ผลิตคิดค้นผลิตวาซาบิเทียม แต่กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นออกกฎว่า วาซาบิ เทียมจะต้องมาจากสารธรรมชาติเท่านั้น 

ปรีชาใช้ความรู้ที่เรียนจบด้านเคมี ค้นคว้าสารจากธรรมชาติ จนสามารถพบสารที่ทำให้วาซาบิมีกลิ่นฉุน ขึ้นจมูกและมีรสเผ็ดมีชื่อว่า “อัลลิลโอไซไธโอไซยาเนท” (ALLYISOCYANATE หรือ AIT) และพบว่าโดยธรรมชาติสารชนิดนี้มีอยู่ในพืช 3 ชนิด เช่น เมล็ดมัสตาร์ด มีสายพันธุ์ชนิดหนึ่งที่มีสารเอไอที และมีอยู่ในสมุนไพรชื่อ Horse Radish 

บริษัท ลานนาโปรดักส์ตัดสินใจเลือกเมล็ดมัสตาร์ดผลิตวาซาบิเทียม เพราะ หาซื้อได้ง่ายเนื่องจากเป็นเครื่องเทศสมุนไพร จากตะวันออกกลาง รวมถึงมีใช้อยู่ในยุโรป ประกอบในอาหาร และประการสำคัญสามารถนำเข้ามาในปริมาณมาก 

ปัจจุบันบริษัทสามารถผลิตวาซาบิเทียมได้ 20 ตันต่อเดือน นอกจากผลิตวาซาบิเทียมแล้วบริษัทยังได้ปลูกต้นวาซาบิ แท้ไว้ในโรงเรือน 4 โรงอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง กับโรงงานในจังหวัดลำพูน ซึ่งการผลิตวาซาบิแท้ในลำพูนมีการดูแลกระบวนการปลูก โดยควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 20 ํC และให้น้ำอย่างเพียงพอ 

การหันมาปลูกวาซาบิแท้อีกครั้ง เพราะวาซาบิแท้มีราคาสูงกว่าวาซาบิเทียม หลายเท่าตัว ประการสำคัญเป็นสมุนไพรที่เทียบเคียงกับสมุนไพรจีนและโสม ขณะที่ วาซาบิเทียมจากเมล็ดมัสตาร์ดจะมีคุณสมบัติมีกลิ่นและฉุนขึ้นจมูกคล้ายกับวาซาบิเท่านั้น 

ผลผลิตของวาซาบิแท้และวาซาบิเทียม ปัจจุบันส่งออกไปต่างประเทศร้อยละ 95 โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ที่เหลือร้อยละ 5 ขายในประเทศ 

นอกจากรายได้ประมาณ 100 ล้าน บาทที่ได้จากผลิตภัณฑ์วาซาบิแล้ว ปรีชายังได้คิดค้นผลิตน้ำมันหอมระเหยจากเมล็ด มัสตาร์ดที่เหลือจากการผลิตวาซาบิ เพราะน้ำมันหอมระเหยที่ได้มาสามารถนำไปใช้ในวงการทันตแพทย์ได้อีกด้วย 

น้ำมันหอมระเหยที่ผลิตได้ 30 ตันปี ทำให้บริษัท ลานนาโปรดักส์ มีรายได้เพิ่มอีก 100 ล้านบาท หรือเทียบเท่ากับรายได้ จากวาซาบิเลยทีเดียว 

“หลักการทำงานของบริษัท ลานนา โปรดักส์คือ การนำของเหลือจากผลิตภัณฑ์ หนึ่งนำไปเป็นวัตถุดิบตั้งต้นของสินค้าใหม่” เป็นหลักคิดของปรีชาที่นำกระบวนการความรู้ด้านเคมีที่เขาได้ร่ำเรียนมาและนำแนวคิดแบบวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ 

นอกจากนำภาคความรู้มาต่อยอดให้กับธุรกิจแล้ว สิ่งที่ทำให้สามารถอยู่รอดมาได้ในวิกฤติเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตลาดใน ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดหลัก แต่ทั้งสองประเทศได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกามีประชาชนตกงาน เป็นจำนวนมาก และคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไม่น่าจะฟื้นตัวในเร็วๆ นี้ 

ดังนั้น การรับมือของบริษัท ลานนาโปรดักส์คือการบริหารจัดการต้นทุน เพราะเมล็ด มัสตาร์ดเป็นสินค้านำเข้า 100% ดังนั้นบริษัทจะสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า 1 ปี เพื่อป้อนกำลังการผลิต ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นวัตถุดิบจะต้องมีอยู่ในคลังสินค้าตลอดเวลา 

ระบบขนส่งเป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีต้นทุนสูง บริษัทจึงได้ผลิต น้ำมันไบโอดีเซลขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับรถยนต์ของบริษัทในปัจจุบัน 

น้ำมันไบโอดีเซลที่นำมาใช้กับรถยนต์ได้มาจากกระบวน การผลิตของเมล็ดมัสตาร์ดผลิตวาซาบิจะได้น้ำมันร้อยละ 40 ทำให้บริษัทสามารถ ผลิตน้ำมันได้ถึง 1 ล้านลิตร 

ผลิตภัณฑ์หลักอีก 1 ประเภทที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท คือ เครื่องปรุงรส หรือเรียกกันว่าค็อกเทลซอส ที่ใช้มะเขือเทศเป็นวัตถุดิบ และเครื่องปรุงรสจะมีหลากหลายประเภท เช่น ซอสค็อกเทล กุ้ง ซอสบาร์บีคิว ซอสพริก โดยเฉพาะน้ำจิ้มซีฟู้ด บริษัทเป็นรายเดียวที่ผลิตให้กับลูกค้า ปัจจุบันสายธุรกิจเครื่องปรุงรสเป็นอีกส่วนหนึ่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ประมาณ 100 ล้านบาท 

อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ลานนาโปรดักส์ ไม่ได้ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทเพียงอย่างเดียว แต่ยังรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์อื่นๆ ให้กับลูกค้า ทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น วาซาบิ ซอสผัดมะกะโรนี 

กระบวนการคิดต่อยอดของธุรกิจของปรีชาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเขากำหนดบทบาทของบริษัทลานนาโปรดักส์ ให้เป็น Innovation Company 

จากกระบวนการคิดที่ไม่หยุดนิ่งของเขา ทำให้เขาเริ่มสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ล่าสุดเขามีแนวคิดนำน้ำเสียจากกระบวน การผลิตวาซาบิมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า รวมถึงศึกษากระบวนการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร 

“บริษัทของเราเป็นบริษัทนวัตกรรม สิ่งที่คนอื่นทำเราจะไม่ทำ แต่ธุรกิจของเรา จะใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์เข้ามาสร้างสินค้า เรามีพนักงาน 200 คน ตั้งแต่ เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของเราเพิ่มแต่คนไม่เพิ่ม” 

กระบวนการคิดที่ใช้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ของปรีชา ได้แสดงผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ และผลตอบแทนกลับมาดูเหมือนคุ้มค่าไม่น้อย

http://info.gotomanager.com/news/details.aspx?id=91019


ผมเป็นคนชอบทานซูชิอยู่แล้ว และชอบจิ้มซอสวาซาบิเยอะๆ ให้ขึ้นจมูก น้ำตาไหล  ได้รสชาติอร่อยดี  หากเป็นรายการกบนอกกะลาคงต้องไปติดตามกระบวนการ ที่มาของวาซาบิ  แต่จริงแล้วไม่ต้องไปไกลเลย อยู่ใกล้จมูกผมนี้เอง ฐานการผลิตอยู่ที่จังหวัดลำพูน ภายใต้บริษัท ลานนาโปรดักส์ จำกัด และนับว่าโอกาสดีอย่างยิ่งที่ผมได้เข้าไปชมโรงงานและได้พูดคุยกับเจ้าของบริษัท คือ คุณปรีชา โกวิทยา กรรมการผู้จัดการบริษัท ลานนาโปรดักส์

ซึ่งน่าทึ่งว่า“วาซาบิ”  ราชาแห่งสมุนไพรของประเทศญี่ปุ่น ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย  แต่ผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ที่ป้อนคนญี่ปุ่นกว่า 60 ล้านคน มาจากบริษัทไทยแห่งนี้ และยังสามารถส่งออกวาซาบิไปทั่วโลก  ผลผลิตของวาซาบิแท้และวาซาบิเทียม ปัจจุบันส่งออกไปต่างประเทศร้อยละ 95 โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ที่เหลือร้อยละ 5 ขายในประเทศ

และแน่นอนในไทยถือว่าวาซาบิส่วนใหญ่ มาจากบริษัทลานนาโปรดักส์ล้วนๆ รวมถึงวาซาบิที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทแห่งนี้ได้รับรางวัลเชิงนวัตกรรม และพัฒนาผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง

ด้วยคุณปรีชา เรียนจบด้านเคมี ค้นคว้าสารจากธรรมชาติ จนสามารถพบสารที่ทำให้วาซาบิมีกลิ่นฉุน ขึ้นจมูกและมีรสเผ็ดมีชื่อว่า “อัลลิลโอไซไธโอไซยาเนท” (ALLYISOCYANATE หรือ AIT) และพบว่าโดยธรรมชาติสารชนิดนี้มีอยู่ในพืช 3 ชนิด เช่น เมล็ดมัสตาร์ด มีสายพันธุ์ชนิดหนึ่งที่มีสารเอไอที และมีอยู่ในสมุนไพรชื่อ Horse Radish
ปัจจุบันบริษัท ลานนาโปรดักส์ จำกัด เรียกได้ว่าเป็นผู้นำด้านวาซาบิแบบครบวงจรของไทย เพราะนอกจากจะทำวาซาบิที่รับประทานกับปลาดิบ ตามแบบฉบับที่คนไทยคุ้นเคยแล้ว นายปรีชา ยังผลิตผงวาซาบิ วาซาบิก้อนเปียกบรรจุซอง หัววาซาบิสดสำหรับส่งออก และซอสวาซาบิ สำหรับรับประทานกับสเต็ก ซึ่งการปรับเปลี่ยนรูปแบบวาซาบินี้ เพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานวาซาบิร่วมกับอาหารหลากหลายประเภท และเพื่อสะดวกในการขนส่งและพกพา
บริษัท ลานนาโปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกวาซาบิ มีประสบการณ์ทำธุรกิจกว่า 30 ปี  โดยร่วมทุนกับ Vox Trading Co., Ltd., (Japan) ก่อตั้งอยู่ในจังหวัดลำพูนมีพื้นที่ 22 ไร่ ผลิต “วาซาบิแท้” และ “วาซาบิเทียม” ป้อนให้กับตลาดญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 66 ล้านบาท มีรายได้มากกว่า 300 ล้านบาท มีพนักงานกว่า 200 คนรวมทั้งนักวิจัยด้วย
 

ผงวาซาบิ
            ผงวาซาบิ ผงวาซาบิที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด คิดว่าทำมาจากวาซาบิสดที่ถูกทำให้แห้งแล้วบดเป็นผง แต่ในความจริงแล้วเป็นวาซาบิเทียมที่ทำจากฮอร์สแรดิชผสมกับผงมัสตาร์ด (ซึ่งให้ความฉุนแบบเผ็ดร้อนขึ้นจมูกคล้ายวาซาบิ) แป้ง และ สีผสมอาหาร โดยไม่มีส่วนผสมของวาซาบิเลย แต่ให้รสชาติที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่ว่าความฉุนนั้นจะหายไปรวดเร็วกว่า ผงวาซาบิทำขึ้นเพื่อทดแทนวาซาบิบดสดที่มีราคาสูง และไม่สามารถเก็บรักษาได้นานเท่าผงวาซาบิ


            วาซาบิ (ญี่ปุ่น: ワサビ wasabi ?) เป็นเครื่องปรุงที่ทำมาจากการบดลำต้นของพืช Canola (Japanese horseradish) จัดเป็นไม้ยืนต้นที่อยู่ในตระกูลเดียวกับพวกบรอกโคลีและกะหล่ำ เป็นสมุนไพรดั้งเดิมของญี่ปุ่น สามารถปลูกได้ทั้งบนดิน และพื้นน้ำ โดยปลูกบนพื้นน้ำจะให้คุณภาพที่ดีกว่า ในหลายประเทศมักจะเรียกวาซาบิกันผิดๆ ว่าฮอร์สแรดิชญี่ปุ่น ฮอร์สแรดิชสีเขียว หรือแม้แต่มัสตาร์ดญี่ปุ่น
            วาซาบิบดสดแบบบรรจุหลอด

วาซาบินอกจากจะช่วยดับกลิ่นคาวแล้วยังมีสรรพคุณทางยาดังนี้
  • ฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค พบว่าวาซาบิมีผลในการฆ่าเชื้อโรค และสามารถต่อต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราบางชนิด
  • กำจัดพยาธิที่อาศัยอยู่ในปลาได้ เมื่อผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารของมนุษย์
  • ฤทธิ์ต่อต้านสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งของกระเพาะอาหาร
  • ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน ฤทธิ์ต้านการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
  • ป้องกันฟันผุ ในอนาคตอาจนำไปประยุกต์เป็นส่วนผสมในยาสีฟัน
  • ช่วยกระตุ้นในการสร้างภูมิคุ้มกันในการกำจัดเซลล์ที่เริ่มผิดปรกติ

อ้างอิง : http://www.lannaproducts.com/
http://oknation.nationtv.tv/blog/akom/2014/07/10/entry-1

วิธีการ ปลูกวาซาบิ


วาซาบินับเป็นหนึ่งในพรรณไม้ที่ปลูกยากที่สุด ต้องการสภาพแวดล้อมที่ชื้นแฉะและอุณหภูมิพอเหมาะ อีกทั้งยังอ่อนแอเป็นโรคได้ง่ายเวลาที่ปลูกเป็นจำนวนมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการปลูกวาซาบินั้นคุ้มค่ากับความยากลำบาก เพราะวาซาบิเป็นพืชที่ให้ประโยชน์ทางด้านสุขภาพมากมาย อีกทั้งยังมีรสชาติที่ทั้งหวาน ร้อน และสดใหม่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนพืชชนิดอื่น หากคุณพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายแล้วล่ะก็ การปลูกวาซาบิจะไม่ใช่เรื่องยากเมื่อคุณรู้วิธีเลียนแบบสภาพแวดล้อมแบบผืนป่าที่วาซาบิเจริญเติบโตได้ดีที่สุด

ส่วน1
สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

  1. 1
    หาสภาพแวดล้อมที่ชื้นแฉะและอากาศพอเหมาะ. วาซาบิเป็นพืชพื้นเมืองของญี่ปุ่น เติบโตได้ดีที่สุดในสภาพอากาศที่เปียกชื้นและอบอุ่น อุณหภูมิระหว่าง 7 ถึง 21 องศาเซลเซียส วาซาบิขึ้นชื่อว่าเป็นพืชที่จู้จี้จุกจิกเอาใจยาก และจะไม่เจริญเติบโตในพื้นที่ที่อุณหภูมิมักจะปรับขึ้นหรือลงเกินกว่าช่วงอุณหภูมิสั้นๆ นี้
    • ตามธรรมชาติแล้ว วาซาบิจะเจริญเติบโตในบริเวณที่เป็นป่าและชื้นแฉะ โดยจะต้องมีความชื้นอยู่ในอากาศเป็นจำนวนมาก ส่วนดินก็จะต้องระบายน้ำได้ดี
    • พื้นที่ในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือและในเทือกเขาบลูริดจ์มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการปลูกวาซาบิ แต่ตามธรรมชาติแล้ว มีแค่ไม่กี่ที่ในโลกนี้ที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของพืชชนิดนี้
  2. 2
    ลองใช้วิธีควบคุมอุณหภูมิอากาศ. ถ้าคุณอาศัยอยู่ในภูมิภาคที่ไม่มีสภาพอากาศตามธรรมชาติที่จำเป็นต่อการปลูกวาซาบิ คุณจะต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมขึ้นมาเอง หนึ่งในวิธีที่ได้ผลที่สุดคือการใช้เรือนกระจก ซึ่งจะกักเก็บความร้อนและความชื้นเอาไว้ และช่วยให้คุณสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ ถ้าคุณตัดสินใจจะปลูกในเรือนกระจก ให้ปรับค่าอุณหภูมิให้อยู่ระหว่าง 7 ถึง 21 องศาเซลเซียส
    • หากคุณอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตใกล้เคียงกับที่วาซาบิต้องการตามธรรมชาติ คุณอาจไม่จำเป็นต้องใช้เรือนกระจก ถ้าคุณอยู่ในภูมิภาคที่มีอากาศร้อน ให้ใช้ผ้าใบหรือผ้าคลุมกันแดดให้เกิดร่มเงาบริเวณแปลงเพาะปลูกเพื่อไม่ให้อากาศร้อนเกินไป และถ้าคุณอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างหนาวเย็น ก็ให้คลุมต้นวาซาบิเวลาที่อากาศเริ่มเย็น
  3. 3
    เลือกบริเวณที่ร่มรื่น. วาซาบิเจริญเติบโตได้ไม่ดีนักถ้าได้รับแสงแดดโดยตรง บริเวณที่ปลูกจึงควรมีร่มเงา ตามธรรมชาติแล้ว วาซาบิจะขึ้นใต้ร่มไม้ในป่า โดยแสงแดดที่ลอดผ่านใบไม้ก็เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของวาซาบิแล้ว ในฐานะผู้เพาะปลูกตามครัวเรือน คุณจึงควรสร้างบริเวณเพาะปลูกเลียนแบบสภาพแวดล้อมดังกล่าวโดยการปลูกวาซาบิใต้ร่มไม้ หรือไม่ก็ทำหลังคากันแดดขึ้นมาเองเพื่อใช้ให้ร่มเงากับแปลงเพาะปลูก[1]
    • ถ้าปลูกในเรือนกระจก การให้ร่มเงากับวาซาบิยังคงเป็นเรื่องสำคัญ ควรปลูกวาซาบิใต้ต้นไม้ที่มีลำต้นสูงกว่าหรือปลูกใกล้ๆ หน้าต่างกันแดดเพื่อให้แน่ใจว่าต้นวาซาบิจะไม่โดนแดดส่องลงมาตรงๆ
  4. 4
    ใช้ปุ๋ยปรับปรุงดิน. ใช้สูตรผสมของปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยที่อุดมไปด้วยกำมะถัน ขุดดินลึก 25 เซนติเมตร และพรวนปุ๋ยที่ใส่ลงไปยี่สิบห้าเซนติเมตรนั้นให้ออกมาเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ เลือกดินที่มีค่า pH ระหว่าง 6 ถึง 7 เพราะค่า pH นี้จะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดต่อวาซาบิ คุณควรจะได้ดินชีวภาพทั้งอุดมสมบูรณ์และมีค่า pH ที่พอเหมาะเพื่อให้วาซาบิของคุณได้มีโอกาสเจริญเติบโตในบริเวณบ้าน[2]
  5. 5
    ควรแน่ใจว่าดินระบายน้ำได้ดี. วาซาบิชอบอยู่ในดินที่ชื้นๆ แต่ก็ไม่ใช่ดินโคลนที่มีน้ำขัง ในการตรวจดูว่าดินที่ใช้เพาะปลูกนั้นระบายน้ำได้ดีพอหรือไม่ ให้รดน้ำบนดินให้ชุ่มและคอยดูตอนที่น้ำซึมเข้าไป ถ้าดินซึมซับน้ำได้ช้า ให้ผสมปุ๋ยใบไม้ลงไปอีก และถ้าดินระบายน้ำได้ทันที ก็หมายความว่าดินนั้นเหมาะกับวาซาบิแล้ว
    • การเพาะวาซาบิใกล้ๆ บ่อน้ำหรือลำธารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติก็เป็นแนวคิดที่ดี เพราะดินบริเวณนี้จะชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังระบายน้ำได้ดี
    • คุณอาจปลูกวาซาบิใกล้ๆ น้ำตกก็ได้ เพื่อให้น้ำคอยพรมต้นวาซาบิอย่างสม่ำเสมอ
    • ส่วน2
      การเพาะปลูกและการดูแลวาซาบิ

      1. 1
        สั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง. เมล็ดพันธุ์วาซาบิหาซื้อตามร้านต้นไม้ใกล้บ้านได้ยาก คนส่วนใหญ่จึงสั่งซื้อออนไลน์ ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงคือช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการซื้อเมล็ดพันธุ์ เพราะวาซาบิจะต้องใช้ฤดูหนาวในการสร้างรากให้มั่นคง เมื่อเมล็ดพันธุ์ที่สั่งไว้มาถึง ให้เก็บไว้ในที่ชื้นและเตรียมปลูกภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากได้รับมา[3][4]
        1. 2
          เพาะเมล็ด. ในคืนก่อนที่คุณจะเพาะลงดิน ให้ใส่เมล็ดลงในถ้วยเล็กๆ และรินน้ำกลั่นลงไป ปล่อยให้เมล็ดแช่อยู่ในน้ำข้ามคืนก่อนที่จะนำไปปลูก การแช่อยู่ในน้ำจะช่วยให้เปลือกเมล็ดอ่อนนุ่มและทำให้วาซาบิงอกได้ง่ายขึ้น เพาะเมล็ดให้ห่างกัน 2 ถึง 5 เซนติเมตร และกดลงไปในดินเบาๆ
        2. 3
          คอยทำให้ดินและต้นกล้าชื้นอยู่เสมอ. วาซาบิเป็นพรรณไม้กึ่งพืชน้ำที่จะต้องอยู่ในที่เปียกชื้นเพื่อให้เจริญเติบโต ดังนั้นจึงควรพรมน้ำที่สะอาดสดชื่นใส่ดินและต้นอ่อนที่กำลังผลิกล้าเป็นประจำทุกวันเพื่อเลียนแบบละอองน้ำที่กระเซ็นมาจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ อย่างเช่น ลำธารหรือน้ำตก ถ้าหากปล่อยให้ต้นวาซาบิแห้ง มันจะเริ่มเหี่ยวเฉา
          • แม้วาซาบิจะควรอยู่ในที่เปียกชื้นตลอดเวลา แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้แช่อยู่ในน้ำ อย่าเทน้ำเป็นถังๆ ใส่ต้นวาซาบิ ให้ประพรมน้ำวันละครั้งหรือหลายๆ ครั้งแทน (โดยเฉพาะเวลาที่อากาศแห้งและร้อน) เพื่อให้ต้นวาซาบิชุ่มชื้น
          • เนื่องจากวาซาบิจะต้องอยู่ในที่ชื้นแฉะ มันจึงติดโรคและเชื้อราได้ง่าย หากคุณสังเกตเห็นต้นไหนที่เริ่มเป็นโรค (เหี่ยวเฉาและเปลี่ยนสี) ให้ถอนออกทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ต้นที่เป็นโรคนั้นแพร่กระจายไปสู่ต้นอื่นๆ
        3. 4
          กำจัดวัชพืชในแปลงเพาะปลูก. ถอนพืชที่ขึ้นแข่งกันออกเพื่อให้รากวาซาบิมีพื้นที่ให้เจริญเติบโต เนื่องจากดินเพาะปลูกชื้นตลอดทั้งวัน วัชพืชจึงมักจะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว การกำจัดวัชพืชเป็นประจำทุกวันหรือวันเว้นวันจะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างอยู่หมัด

        ส่วน3
        การเก็บเกี่ยวและการใช้วาซาบิ

        1. 1
          ดูแลรักษาวาซาบิเป็นเวลาสองปีก่อนทำการเก็บเกี่ยว. วาซาบิจะไม่ออกรสอันเป็นเอกลักษณ์ของมันจนกว่าจะโตเต็มที่เมื่อผ่านไปประมาณ 24 เดือน ในช่วงนี้ ต้นวาซาบิจะโตขึ้นสูงประมาณ 60 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 60 เซนติเมตร แล้วก็จะหยุดโต จากนั้นก็จะเริ่มใช้สารอาหารทั้งหมดมาสร้างเหง้ายาวๆ คล้ายแครอทใต้ดิน
        2. 2
          ขุดเหง้าที่โตเต็มที่แล้ว. เหง้าวาซาบิจะโตเต็มที่และพร้อมที่จะเอามากินได้เวลาที่มันยาวประมาณ 17 หรือ 20 เซนติเมตร ให้ขุดเหง้าขึ้นมาหนึ่งอันเพื่อตรวจดูความยาวก่อนที่จะเก็บเกี่ยววาซาบิทั้งหมด โดยใช้เสียมบางๆ เล่มยาวหรือคราดและคอยระวังไม่ให้ไปตัดโดนเหง้าเวลาที่ขุดขึ้นมา
        3. 3
          ปล่อยให้มีต้นวาซาบิอยู่ในดินบ้างเพื่อให้มันออกเมล็ด. ต้นวาซาบิที่ปล่อยทิ้งไว้ในดินจะผลิตเมล็ดพันธุ์ขึ้นใหม่และปล่อยเมล็ดลงไปบนดิน เป็นการช่วยให้คุณไม่ต้องลำบากสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์มาเพิ่ม ควรปล่อยวาซาบิทิ้งไว้ในดินหลายๆ ต้น เพื่อที่คุณจะได้พืชผลสดใหม่ของวาซาบิในอีกสองสามปีข้างหน้า
          • เวลาที่วาซาบิต้นใหม่เริ่มผลิใบอ่อน ให้ปลูกต้นกล้าห่างกันประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อให้มีพื้นที่ได้เจริญเติบโต ถ้าคุณปล่อยไว้ต้นกล้าพวกนี้ไว้เป็นกระจุกๆ ต้นวาซาบิจำนวนไม่น้อยก็จะเหี่ยวเฉาและตายลง
        4. 4
          นำวาซาบิไปใช้งาน. ล้างเหง้าวาซาบิและเด็ดใบทิ้งไป สำหรับการลิ้มรสสดใหม่และเผ็ดร้อนของวาซาบิ ให้ขูดเนื้อวาซาบิออกมาเท่าที่คุณต้องการและปล่อยให้เหง้าที่เหลืออยู่เป็นชิ้นเดียวกันไว้ รสเผ็ดร้อนของวาซาบิจะอ่อนลงหลังผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือให้ขูดออกทีละครั้งเฉพาะที่คุณต้องการในหนึ่งมื้อเท่านั้น
        5. 5
          เก็บวาซาบิไว้ใช้ทีหลัง. วาซาบิที่สดใหม่สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณหนึ่งหรือสองเดือนก่อนที่จะเริ่มเน่า หากคุณอยากจะเก็บวาซาบิไว้ใช้ทีหลัง วิธีที่ดีที่สุดคือตากไว้ให้แห้งและนำไปบดจนเป็นผง ผงวาซาบิสามารถนำไปผสมกับน้ำสักเล็กน้อยก็จะได้เป็นวาซาบิเข้มข้น

        เคล็ดลับ

        • เมล็ดวาซาบิจะต้องเก็บในที่ชื้น (เก็บไว้ในตู้เย็น) ถ้าเมล็ดแห้ง จะทำให้ปลูกไม่ขึ้น
        • วาซาบิชอบความชื้นสูงและเจริญเติบโตได้ไม่ดีนักในอากาศแห้งและร้อนจัด คุณอาจต้องใช้กระบอกพ่นน้ำช่วยหากปลูกในอากาศร้อนจัด
        • ถ้าดินแน่นไป ให้ผสมด้วยปูนขาวและปุ๋ยใบไม้
        • เมล็ดวาซาบิอาจหาซื้อได้ยาก ควรไปหาเกษตรกรที่เพาะปลูกวาซาบิและขอซื้อเมล็ดพันธุ์จากพวกเขา อีกวิธีหนึ่งคือให้ไปที่ร้านขายของชำของจีนหรือญี่ปุ่นและถามคนขายว่ามีเมล็ดหรือต้นกล้าวาซาบิขายหรือเปล่า

        คำเตือน

        • วาซาบิเป็นที่โปรดปรานของตัวเพลี้ย ให้ป้องกันด้วยสเปรย์กำจัดเพลี้ย
        • โรคโคนเน่าเป็นภัยคุกคามของต้นวาซาบิ ไม่ควรปล่อยให้ต้นวาซาบิแช่อยู่ในดินที่มีน้ำขัง
        • ใบและก้านใบของวาซาบินั้นเปราะบาง ถ้ามีใบตรงไหนแตกหักหรือมีอะไรมารบกวนการเจริญเติบโต ต้นวาซาบิอาจโตช้าและอาจหยุดโตได้
        • ใบวาซาบิสามารถดึงดูดแมวได้
        • ต้นวาซาบิมักจะตกเป็นเหยื่อของตัวทาก โดยเฉพาะในระยะแรกๆ ของการเจริญเติบโต ควรกำจัดตัวทากออกไปจากลำต้น.

ทำไม “วาซาบิ” จึงปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจได้ยาก

ทำไม “วาซาบิ” จึงปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจได้ยาก
ทำไม “วาซาบิ” จึงปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจได้ยาก
เพื่อนๆ ทราบมั้ยคะว่า เจ้าวาซาบิกองเล็กๆ ข้างจานปลาดิบนี่ เป็นพืชที่ว่ากันว่า “ปลูก (ด้านเศรษฐกิจ) ได้ยากที่สุดในโลก!” เพราะอะไร วันนี้เรามีงานวิจัยที่น่าสนใจมาแบ่งปันกันค่ะ
เรื่องโดย : de_sa_inn www.marumura.com
คนไทยอย่างเราๆ คงจะรู้จักเจ้า “วาซาบิ” นี้เป็นอย่างดี เพราะกระแสวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น ที่บูมมาตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน ทำให้เจ้าผักวาซาบินี้เป็นที่รู้จักกันในนามของ “ความเผ็ดขึ้นจมูก” ที่อาจแสบไปจนถึงตาถึงสมองกันเลยทีเดียว
เรามักจะเจอวาซาบิได้ตามเมนู ”ซาชิมิ” หรือปลาดิบ และ “ซูชิ” หรือข้าวปั้นหน้าปลาดิบ เพราะคนญี่ปุ่นว่ากันว่า วาซาบิจะช่วยกำจัดพญาธิที่อาจจะปนเปื้อนอยู่ในเนื้อปลาดิบได้ รับประทานโดยการป้ายวาซาบิหั่นฝอยเพียงเล็กน้อยลงบนปลา หรือถ้าเป็นซูชิ คนทำซูชิก็จะแอบป้ายไว้ที่ชิ้นเนื้อด้านในที่ติดกับข้าว ใครที่ไม่ถนัดกินวาซาบิก็ต้องระวังกันหน่อย จากนั้นจึงแตะโชยุหรือซอสถั่วเหลืองสีดำที่เนื้อปลาเล็กน้อยจึงรับประทาน จุดนี้คนไทยมักจะแตะโชยุกันที่ข้าว และผลคือ ข้าวแตกโพละ! ลอยกระจายอยู่บนโชยุนั่นเอง
วนกลับมาที่เรื่องวาซาบินะคะ เพื่อนๆ ทราบมั้ยคะว่า เจ้าวาซาบิกองเล็กๆ ข้างจานปลาดิบนี่ เป็นพืชที่ว่ากันว่า “ปลูก (ด้านเศรษฐกิจ) ได้ยากที่สุดในโลก!” เพราะอะไร วันนี้ de_sa_inn มีงานวิจัยที่น่าสนใจมาแบ่งปันกันค่ะ
1. การเลี้ยงดูนี้แสนลำบาก และว่ากันว่าไม่เหมือนพืชเศรษฐกิจใดในโลก วาซาบิต้องการน้ำปริมาณมากๆตลอดเวลา แต่ต้องไม่ท่วมน้ำแบบต้นข้าว หรือก็คือต้องปลูกแบบให้น้ำไหลผ่านผิวดินเรื่อยๆ ลองนึกภาพลำธารเล็กๆ ตื้นๆ แบบที่เอาเท้าย่ำน้ำเล่น ในวันอากาศร้อนๆ นะคะ
2. ต้องรอถึง 6 ปี จึงจะได้เมล็ดวาซาบิที่สามารถนำไปปลูกได้ โดยที่ประเทศญี่ปุ่น จะมีครอบครัวที่ขายเมล็ดวาซาบิโดยเฉพาะมาตั้งแต่ช่วงปี 1600 ด้วยล่ะ
3. ความชื้น หรือสัดส่วนอาหารที่ผิดหรือไม่คงที่ ก็สามารถทำให้ทั้งไร่วาซาบินั้น ตายยกไร่ได้เหมือนกัน
4. จากต้นอ่อนวาซิบิ ต้องใช้เวลา 1 ปีหรือมากกว่านั้นจึงจะเก็บเกี่ยวได้ เพราะฉะนั้น ชาวไร่วาซาบิมือใหม่ที่เริ่มปลูกล็อตแรก ก็จะต้องรองไปอีกเป็นปีจึงจะได้ขายทำเงิน
5. เรื่องโรคของวาซาบิก็ทำให้ชาวไร่ปวดหัวไม่แพ้เรื่องอื่น เพราะถ้าเกิดวันดีคืนดี ต้นใดต้นหนึ่งติดโรคอะไรขึ้นมา มันก็จะพาเพื่อนๆ วาซาบิติดโรคนั้นไปด้วย ดีไม่ดีรักษาไม่หายก็ถอนยกไร่อีกเช่นกัน
เพราะความโหดหินของอุปสรรคการทำไร่วาซาบิ ทำให้ชาวไร่ต้องยอมแพ้กันไปหลายคน แต่ถ้าคนไหนทำสำเร็จแล้วล่ะก็ จะทำรายได้ได้ถึง 160 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว และยังขายได้หมดทุกๆ กรัม ถึงแม้วาซาบิจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกยากมาก แต่กำไรก็งามที่สุดในโลก
ผลสำรวจยังบอกอีกว่า มีเพียง 5% ของร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วโลกที่เสิร์ฟวาซาบิของแท้ ส่วนอีก 95% ที่เหลือจะเป็นพืชจำพวกมัสตาดที่มีรสคล้ายวาซาบิเท่านั้น
เพื่อนๆ ทราบหรือไม่คะว่าวาซาบิกองไหนเป็นของจริง? คำตอบคือกองซ้ายมือค่ะ สังเกตได้ว่า ของแท้จะมีเส้นใยเล็กๆ เป็นกากใยอาหารจากพืช และมีสีเขียวอ่อน เป็นก้อนหลวมๆ ของปลอมจะมีสีเขียวสดและเนื้อเป็นครีม
สุดท้ายนี้ขอส่งท้ายเพื่อนๆ ด้วยรูปไร่วาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในโลก แน่นอนว่าอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น มีชื่อว่า ไร่ Daio Wasabi Farm
เรื่องโดย : de_sa_inn www.marumura.com
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : 
-http://www.cals.ncsu.edu/specialty_crops/publications/reports/collins2.html
-http://www.hotsauceblog.com/hotsaucearchives/real-wasabi/
-http://www.spoon-tamago.com/2014/09/19/wasabi-the-hardest-plant-to-grow-in-the-world/

มาปลูก วาซาบิ กันเถอะ


 

วาซาบิ (ญี่ปุ่นワサビ wasabi) เป็นเครื่องปรุงที่ทำมาจากการบดลำต้นของพืช Canola (Japanese horseradish) จัดเป็นไม้ยืนต้นที่อยู่ในตระกูลเดียวกับพวกบรอกโคลีและกะหล่ำ เป็นสมุนไพรดั้งเดิมของญี่ปุ่น สามารถปลูกได้ทั้งบนดิน และพื้นน้ำ โดยปลูกบนพื้นน้ำจะให้คุณภาพที่ดีกว่า ในหลายประเทศมักจะเรียกวาซาบิกันผิดๆ ว่าฮอร์สแรดิชญี่ปุ่น ฮอร์สแรดิชสีเขียว หรือแม้แต่มัสตาร์ดญี่ปุ่น

ลักษณะ

ใบของวาซาบิจะคล้ายกับดอกของต้นโฮลีฮอค ต้นมีความสูงแค่เข่า ส่วนโคนลำต้นที่ใช้ในการทำอาหารมีลักษณะเป็นหัวเหมือนหัวไชเท้าหรือบอระเพ็ดแต่ เป็นสีเขียวอ่อนๆ เมื่อบดแล้วมีกลิ่นที่ฉุนรุนแรง ถ้ารับประทานจะให้ความรู้สึกแสบร้อนขึ้นจมูกในระยะสั้นๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความกลมกล่อม จากรสหวานและขมผสมกัน และให้ความเผ็ดเล็กน้อย

วิธีทำ

นำส่วนโคนลำต้นที่มีความหนาออกมาใช้ และหลายๆ คนมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นส่วนรากของ มัน เวลาจะนำไปรับประทาน หรือประกอบอาหารนั้นจะต้องมีกรรมวิธีพิเศษคือนำวาซาบิไปฝนกับเครื่องฝนพิเศษ ที่ทำมาจากเหงือกปลาฉลาม (Wasabi Oroshi) ซึ่งจะมีปุ่มขนาดเล็กๆ จนทำให้ผลวาซาบิละเอียดจนมีลักษณะคล้ายครีมสีเขียว หลังจากนั้นก็นำไปผสมกับโชยุใช้เป็นน้ำจิ้มสำหรับปลาดิบ (ซะชิมิ, sashimi) หรือ ซูชิ (sushi) เพื่อให้ได้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น

ฝนวาซาบิด้วยแผ่นเหงือกปลาฉลาม

แหล่งเพาะปลูก

แหล่งที่ปลูกวาซาบิอยู่ที่ชิมิทสึ แปลว่า น้ำสะอาด การปลูกวาซาบินั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่ต้องลงทุนค่อนข้างสูง พืชชนิดนี้มักจะปลูกในที่โล่ง แต่จะต้องมีการจำกัดปริมาณแสงแดดไม่ให้ส่องลงมาถูกต้นพืชโดยตรงในช่วงฤดู ร้อน(ถ้าโดนแล้วจะให้ผลไม่ดี)
เนื่องจากมีแหล่งปลูกที่จำกัดจึงทำให้วาซาบิมีราคาค่อนข้างสูง ที่ประเทศไทยนั้นตามร้านอาหารมีระดับ หรือตามโรงแรมบางแห่งเท่านั้นที่จะใช้โคนต้นวาซาบิสดบด เพราะต้องนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นด้วย ราคากิโลกรัมละหลายพันบาท ดังนั้นจึงมีวาซาบิเทียมซึ่งมีลักษณะเป็นผงสีเขียวและปรุงแต่งกลิ่นและสี เพิ่มขึ้น เมื่อนำมาผสมและกวนกับน้ำเย็นแล้วทิ้งไว้สักครู่ก็จะมีหน้าตาเหมือนกับวาซา บิของแท้แต่กลิ่นรสจะฉุนจัดจ้านกว่าเรียกว่า "ผงวาซาบิ"
แม้ว่าผลิตผลจะเผ็ดเกินกว่าที่จะนำมารับประทานเดี่ยวๆ แต่ก็ได้รับการสั่งนำเข้าจำนวนมากจากบริษัทใหญ่ๆ ในญี่ปุ่น เพื่อที่จะนำมาผสมผสานกับเครื่องปรุงอื่นๆ เช่น หัวไชเท้าและเครื่องเทศ ที่เรียกกันว่า "เนริวาซาบิ" และตลาดของเครื่องปรุงเนริวาซาบิ มีมูลค่าถึง 16 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ในขณะที่วาซาบิแบบดั้งเดิมมีมูลค่าในตลาด 36 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี

ประโยชน์

กลิ่นฉุนของวาซาบิจะช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารทะเลได้ทุกชนิด เพราะสารที่อยู่ในวาซาบิเมื่อฝนเป็นแป้งกระทบกับออกซิเจนในอากาศ จะเกิดปฏิกิริยาเป็นทั้งกลิ่นฉุนและให้รสรุนแรง สารนี้จะมีประโยชน์ในการกระตุ้นต่อมน้ำลายให้ขับน้ำลายออกมา ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการย่อย อีกทั้งในวาซาบิยังอุดมด้วยวิตามินซี

สรรพคุณทางยา


วาซาบิบดสดแบบบรรจุหลอด
วาซาบินอกจากจะช่วยดับกลิ่นคาวแล้วยังมีสรรพคุณทางยาดังนี้

ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

มักจะเข้าใจกันว่าวาซาบิสามารถช่วยให้หายใจโล่งขึ้น หรือบรรเทาอาการหวัด เนื่องจากเวลารับประทานวาซาบิแล้วจะรู้สึกฉุนและเผ็ดร้อนขึ้นจมูก แต่มีผลการทดลองของนักวิจัยชาว สหรัฐอเมริกาค้นพบว่า วาซาบิแทนที่จะช่วยให้การหายใจดีขึ้น กลับอาจทำให้การหายใจที่ติดขัดอยู่แล้วนั้นแย่ลง ศูนย์การแพทย์ Kaiser Permanente Medical Center ในเมืองโอคแลนด์ มลรัฐแคลิฟอร์เนียได้ ทำการศึกษาผลของวาซาบิ กับอาสาสมัครสุขภาพดีจำนวน 22 คน โดยมีการให้รับวาซาบิหลายๆ ครั้ง และมีการวัดการระบายในช่องจมูก เพื่อศึกษาผลต่อการหายใจในช่องจมูก หลังการศึกษาได้ผลสรุปว่าจริงๆ แล้ววาซาบิทำให้ทางเดินหายใจติดขัด ซึ่งผู้รับประทานมักจะรู้สึกและเข้าใจเองว่า วาซาบิทำให้ทางเดินหายใจโล่ง ขึ้น แต่แท้ที่จริงแล้ววาซาบิจะเป็นตัวที่ทำให้การไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงใน โพรงจมูกเพิ่มขึ้นซึ่งเลือดเหล่านี้จะทำให้ทางเดินหายใจถูกปิดกั้น หรืออุดตันลง ส่วนสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเหมือนจมูกโล่งขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของเลือดที่ว่านี้ ทำให้เกิดความเย็นของลมหายใจที่ผ่านช่องโพรงจมูก หรืออาจเป็นเพราะการกระตุ้นที่โพรงจมูกในชั่วขณะหนึ่งเพื่อให้อากาศไหล ผ่านกลับมาได้สะดวกเป็นเหตุให้เกิดความรู้สึกจมูกโล่งขึ้นได้


 คุณปรีชา โกวิทยา ผู้เชี่ยวชาญเรื่องวาซาบิ และเป็นผู้ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประจำปี 2542 เล่าว่า วาซาบิ เป็นพืชที่มีมูลค่าสูง เนื่องจากปลูกได้ในเฉพาะพื้นที่ที่เหมาะสมเท่านั้น วาซาบิเป็นพืชตระกูลกะหล่ำ เจริญเติบโตได้ในอุณหภูมิประมาณ 20 องศาเซียลเซียส อุณหภูมิในน้ำประมาณ 10 องศาเซลเซียส และความเข้มของแสงต่ำ ความชื้นสูง ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ 1,000 เมตร ขึ้นไป ในเขตร้อนชอบขึ้นตามป่าไม้ใหญ่ไม่ผลัดใบ ตามธรรมชาติชอบขึ้นอยู่ตามริมน้ำลำธารบนภูเขา ในที่ชื้นแฉะ 
วาซาบิ เป็นพืชข้ามปี มีรากสะสมอาหารและรากดูดกลืนอาหารอยู่ใต้ดิน รากสะสมอาหารมีลักษณะกลม ปลายรากแหลม ประกอบด้วยตาหน่อ ซึ่งจะเจริญและใช้ขยายพันธุ์ต่อไป แต่ละรากจะมีหน่อประมาณ 20 หน่อ ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพแวดล้อม ขณะที่ตาหน่อเจริญ ตาอื่นๆ จะพักตัวจนกว่าจะปลิดหน่อแรกออก หน่อที่เจริญเต็มที่ยาวประมาณ 5-30 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร มีจำนวนรากประมาณ 20-25 ราก ต่อต้น ความยาว 30-100 เซนติเมตร ซึ่งจะเจริญเป็นรากสะสมอาหารและรากดูดอาหารต่อไป ส่วนที่อยู่เหนือดินประกอบด้วยก้านใบยาว 30-50 เซนติเมตร ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่หรือกลม โคนใบที่อยู่ติดกับก้านใบจะเว้าเข้าไปเป็นรูปหัวใจคล้ายใบบัวบก กว้างประมาณ 15-30 เซนติเมตร จำนวน 55-65 ใบ ต่อต้น การเจริญเติบโตของใบในฤดูหนาวและฤดูร้อนจะค่อนข้างช้า ประมาณ 2-3 ใบ ต่อเดือน ในสภาพที่เหมาะสม ใบจะเจริญเติบโต 5-6 ใบ ต่อเดือน ต้นวาซาบิที่มีอายุ 15 เดือน จะมีใบ 65 ใบ ใบจะเหลืองและร่วง 2-6 ใบ ต่อเดือน ช่อดอกเป็นช่อดอกแบบไม่จำกัด ยาวประมาณ 20-60 เซนติเมตร ดอกสีขาว กลีบดอกยาว 8-9 มิลลิเมตร เมล็ดจะมีการพักตัว 3 เดือน
ในประเทศ ญี่ปุ่น ดอกจะเจริญเติบโตประมาณเดือนมกราคมและจะเจริญเติบโตสูงสุดเดือนเมษายน เมล็ดพันธุ์สามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 50-60 วัน หลังจากดอกบานเต็มที่ เมล็ดอ่อนจะสีเหลือง เมล็ดแก่จะสีดำ การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์เมื่อประมาณปลายเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม ความแข็งแรงของเมล็ดพันธุ์ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ในระยะที่เมล็ดเจริญเติบโต การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุดประมาณกลางเดือนเมษายน เมล็ดพันธุ์ที่เก็บเกี่ยวแล้วต้องทิ้งไว้ให้พักตัวประมาณ 3 เดือน หรือขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในช่วงที่เก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ การขยายพันธุ์วาซาบิ สามารถขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและการแยกกอ ซึ่งจะต้องขยายพันธุ์ระยะแรกในห้องควบคุมอุณหภูมิ จากนั้นจึงย้ายลงปลูกในแปลงที่ปลูกในระบบปิด เพื่อให้ต้นวาซาบิได้รับอุณหภูมิต่ำระหว่าง 10-20 องศาเซียลเซียส
คุณ สุรางค์ ชาติชำนาญ นักวิชาการผู้รับผิดชอบการปลูกวาซาบิ เล่าว่า ในประเทศไทยได้ทดสอบวาซาบิอยู่หลายสายพันธุ์ เพื่อหาสายพันธุ์ที่เหมาะสม ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดในห้องปรับอากาศ จากนั้นจึงนำไปปลูกในเรือนโรงที่มีระบบปรับอุณหภูมิ โดยใช้ระบบความเย็นและระบบน้ำไหลเวียนควบคู่กันไป ศึกษาวิจัยจนถึงการขยายผลในเชิงธุรกิจ ใช้เวลาหลายปี พบว่าปลูกในเมืองไทยนั้น อายุตั้งแต่การปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวนาน 18 เดือน ถึง 2 ปี วาซาบิจะเริ่มลงหัวเมื่ออายุประมาณ 1 ปี จึงนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ จากนั้นจะมีภาคเอกชนที่รับผิดชอบด้านการตลาด เป็นตัวแทนนำผลิตภัณฑ์วาซาบิประเภทต่างๆ ส่งไปจำหน่ายตลาดต่างประเทศทั่วโลก

 การรับประทานปลาดิบกับวาซาบิ ถือเป็นของคู่กัน แต่ใครจะเชื่อว่าเครื่องเคียงประจำประเทศญี่ปุ่นอย่าง “วาซาบิ” จะถูกส่งออกมาจากประเทศไทยล้วนๆ จากฝีมือคนไทย และวัตถุดิบที่เคยปลูกในไทยในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ แม้ขณะนี้ไม่ได้ใช้พื้นที่ในไทยปลูกแล้วก็ตาม แต่คนไทยยังถือเป็นผู้ส่งออกวาซาบิส่งขายทั่วโลกเช่นเดิม
แนวความคิดใน การผลิตวาซาบิเพื่อจำหน่ายนั้น นายปรีชา โกวิทยา กรรมการผู้จัดการบริษัท ลานนาโปรดักส์ จำกัด ได้ย้อนอดีตให้ฟังว่า เมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีเพื่อนชาวญี่ปุ่นได้บอกว่าขณะนี้วาซาบิ เริ่มขาดตลาด และราคาก็พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอาหารญี่ปุ่นในช่วงนั้นเริ่มกระจายไปทั่วโลก ส่งผลให้สิ่งที่ต้องรับประทานคู่กับอาหารญี่ปุ่นอย่างวาซาบิ เป็นที่ต้องการของทั่วโลก ดังนั้นเพื่อสนองความต้องการของตลาด เพื่อนชาวญี่ปุ่นจึงชักชวนให้ปลูกต้นวาซาบิในประเทศไทย ซึ่งนายปรีชา ก็ตกลงทันที ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นต้นวาซาบิมาก่อน และไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับงานเกษตรใดๆ เลย




“เมื่อผม ตัดสินใจปลูกต้นวาซาบิ เพื่อนจึงให้หาพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกต้นวาซาบิ คือ พื้นที่ต้องเย็น มีน้ำ และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,600 เมตรขึ้นไป โดยพื้นที่ที่เหมาะสมในขณะนั้นคือที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งผมก็ได้ตั้งโรงงานปลูกพืชผักเมืองหนาวควบคู่ไปด้วย แต่เมื่อปลูกต้นวาซาบิไปได้สักระยะหนี่ง ทำให้ผมมีประสบการณ์จากการหาความรู้ด้านนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้รู้ว่าแม้ประเทศไทยจะปลูกวาซาบิได้ แต่คุณภาพอาจเทียบไม่ได้กับวาซาบิต้นตำรับที่ปลูกในญี่ปุ่น เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ต้องดูแลเป็นพิเศษ ให้ปลอดภัยจากแมลง และควบคุมผลผลิตให้ได้ตามต้องการ ซึ่งสุดท้ายจากปัญหาที่ตามมา ทำให้ผมตัดสินใจหาพื้นที่ปลูกต้นวาซาบิ แห่งใหม่ โดยเริ่มที่ลาว ได้ 2 ปี แต่ก็ต้องล้มเหลว จึงย้ายมาที่อินโดนีเซีย เนื่องจากมีทำเลที่ค่อนข้างเหมาะสม เพราะมีอากาศเย็น ในขณะเดียวกันก็มีภูเขาที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,000 เมตร คือ ที่เมืองเซมารัง (Samarung)”



เมื่อนายปรีชา ต้องประสบกับปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องพื้นที่เหมาะสมในการปลูกต้นวาซาบิ สุดท้ายก็มาลงตัวที่ประเทศอินโดนีเซีย ที่ปลูกแล้วได้ผลผลิตดีกว่าเมืองไทย ต่อมานายปรีชา ก็ค้นพบว่า ที่ตรงไหนสามารถปลูกชาได้ ก็ปลูกวาซาบิได้เช่นกัน ฉะนั้นทำเลอย่างประเทศจีนจึงเหมาะสมที่สุด เพราะจีนเป็นประเทศที่ผลิตชาเป็นอันดับต้นๆ ของโลก


วาซาบิผงในอีกแพคเกจ




“ที่ ประเทศจีนเราปลูกที่คุนหมิงก่อน และขยับไปที่ยูนาน ต้าลี่ และลี่เจียง ซึ่งขณะนี้พื้นที่รวมประมาณกว่า 1,000 ไร่ ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่ได้ปลูกเอง แต่เป็นการรับซื้อจากเกษตรกรโดยตรง ซึ่งแตกต่างจากประเทศอินโดนีเซีย ที่เราต้องเช่าที่ปลูก แต่ที่จีนรับซื้ออย่างเดียว ไม่ต้องเสียค่าเช่าที่ ดังนั้นเมื่อผมเห็นศักยภาพที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้านของจีน ทำให้ลดพื้นที่ปลูกลงเรื่อยๆ และคาดว่าภายในปีนี้ (2551) จะย้ายพื้นที่ปลูกมาที่ประเทศจีนทั้งหมด โดยต้องการลดต้นทุนการผลิตในทุกด้าน เช่น การขนส่ง ค่าแรงงาน และโรงงานผลิต ที่ปัจจุบันได้ย้ายมาที่จีนเกือบ 100% แล้ว”



วาซาบิซอส พร้อมรับประทาน




สำหรับ ในไทยถือว่าวาซาบิที่คนไทยรับประทานอยู่ในขณะนี้ มาจากบริษัทลานนาโปรดักส์ล้วนๆ รวมถึงวาซาบิที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นจึงไม่แปลกที่นายปรีชา จะได้รับรางวัล ‘Bualuang SME Awards’ จากธนาคารกรุงเทพ ด้วยความโดดเด่นทางด้านการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูงอย่าง ต่อเนื่อง



ที่มา 

เล่าสู่กันฟัง “เรื่องของวาซาบิ”

วันนี้มาเล่าสู่กันฟังถึงเรื่องของวาซาบิค่ะ เมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา อ้อยหวานแปลบทความมากมายของเว็ปท่องเที่ยวญีปุ่น แล้วได้อ่านและรับรู้เรื่องราวน่าสนใจมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือฟาร์มวาซาบิที่ญี่ปุ่น อ่านได้ที่นี่ค่ะ

พออ่านเสร็จก็ตามนิสัยเดิมของอ้อยหวาน คืออยากรู้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อเล่าให้คุณคุณผู้ชายที่บ้านฟัง แล้วคุณก็บอกมาว่าฟาร์มวาซาบิที่แคนนาดาก็มีนะ หูผึ่งเลยที่นี้ ความอยากรู้ก็เลยต้องคุ้ยเขี่ย หาอ่าน แล้วได้ความรู้ สนุกด้วย วันนี้เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง

วาซาบิ เป็นพืชน้ำชนิดหนึ่ง ในตระกูลแบร์สิคาซีแอร์ (Brassicaceae) มีกะหล่ำปลี ฮอสแรดดิส และต้นมัสตาร์ด เป็นพี่น้องร่วมตระกูล

ในร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปในเมืองไทย อ้อยหวานไม่แน่ใจว่า เขาใช้วาซาบิของแท้กันหรือไม่ เพราะของแท้นั้นแพงมาก ส่วนวาซาบิเทียมที่่ใช้กันนั้นทำมาจาก ฮอสแรดดิส ผงมัสตาร์ด สีสีผสมอาหาร และเสก็ดนิดๆ หน่อยๆของวาซาบิแท้ๆ เห็นเขาว่ากันว่า ของแท้ต้องขูดจากหัวสดๆ แล้วกินภายใน 20 นาที ไม่เช่นนั้ันรสชาติจะหายหมด

ต้นวาซาบิปลูกกันได้ยากมาก ปรกติเป็นไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติตามริมน้ำในป่าหรือบนภูเขา
ฟาร์มวาซาบิมีทำกันอยู่ 2 วิธี คือ
การทำฟาร์มวาซาบิแบบซะวะ ปลูกกึ่งน้ำกึ่งกรวด ต้องมีน้ำบริสุทธิไหลผ่านตลอด แช่ขังอยู่ไม่ได้เลย และอุณหภูมิของ น้ำก็ต้องอยู่ประมาณ 13 องศาด้วย เย็นเจี้ยบเลย
ฟาร์มไดโอะ (Daio) ฟาร์มวาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ก็ใช้วิธีการปลูกแบบนี้ และว่ากันว่าวาซาบิที่ปลูกวิธีนี้ รสชชาติจะใกล้เคียงกับพวกที่ขึ้นตามธรมชาติมากที่สุด

ฟาร์มวาซาบิไดโอะนี้สวยมาก น่าไปเที่ยวมากๆ อ้อยหวานยังไม่เคยเห็นเหมือนกันค่ะ แต่ดูจากรูปแล้ว สวยจริงๆ เขาเปิดให้คนเข้าชมด้วย เสียเงินค่าเข้าเท่าไร่ อันนี้ไม่ทราบค่ะ
อ้อยหวานเอารูปของฟาร์มไดโอะมาจากบล็อกนี้  คุณTokyobling's Blog ถ่ายรูปได้สวยมาก

และจากบล็อกนี้ คุณcommuning with artifice
เป็นอีกบล็อกหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาสาระและรูปสวยๆ มากมาย ขอชื่นชมด้วยใจจริง อ้อยหวานได้เรียนรู้วิธีการเขียนบล็อกจากบล็อกต่างๆ เหล่านี้ และยังได้ซาบซึ้งถึงการให้อย่างแท้จริง ..ให้ความรู้..ให้ความบันเทิง ภาพสวยๆ ของทั้งสองบล็อก คือตัวอย่างของการให้ที่ไร้ขอบเขต คือไม่หวงเลย

มาต่อค่ะ ที่ฟาร์มไดโอะนี้เขาจะกั้นน้ำจากแม่น้ำแบบนี้ แล้วคงจะปล่อยให้ไหลออกสู่แม่น้ำในตอนปลาย

ดูดิ..เหมือนนาข้าวเลย คิดว่าวาซาบิไม่ชอบแดด เลยต้องมีตาข่ายขึงไปตลอดแนว

วิธีทำฟาร์มวาซาบิอีกแบบหนึ่ง แบบโอะกะ (Oka) คือปลูกกันในเต้นส์หรือกรีนเฮ้าส์ แต่เขาว่ากันว่ารสชาติสู้ปลูกด้วยวิธีแรกไม่ได้ ในรูปคือฟาร์มวาซาบิของแคนาดา คงจะต้องปลูกกับกรวดเหมือนกัน แต่คิดว่าข้างล่างกรวดหินคงเป็นดิน
ฟาร์ม วาซาบิแบบหลังนี้ นอกจากมีที่แคนาดาแล้ว ยังมีคนทำกันอยู่หลายแห่งทั่วโลก เช่นสหรัฐอเมริกา ที่อังกฤษเจ้าของฟาร์มวอเตอร์เครส ได้เปลี่ยนจากปลูกวอเตอร์เครส มาปลูกวาซาบิแทน และส่งขายทั่วยุโรบ

 ส่วนออสเตรเลียได้ทำเป็นฟาร์มไฮโดรโพนิค แล้วได้ผลดีเสียด้วย กลายเป็นฟาร์มที่ให้ผลิตผลสูงที่สุดในประเทศออสเตรเลีย

วาซาบินี้ นอกจากกินหัว (รากแล้ว เขาว่าใบ ก้าน และดอก ยังกินอร่อยด้วย กินสดเป็นสลัด ผัดน้ำมัน ลวกกินกับซีอิ้ว ตากแห้งใส่กับอาหารอื่นๆ หรือหมักดองเป็นไวน์และเบียร์
  
อันนี้เอารูปมาให้ดู ว่าเขาเอาวาซาบิมาทำอะไรบ้าง

***************************************************
อ่านบล็อก ฟาร์มไดโอะ (Daio) ฟาร์มวาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น อีกบล็อกหนึ่งของอ้อยหวานได้ที่นี่่ค่ะ เผชิญหน้ากับวาซาบิตัวจริง
   
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น