วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2562

“ไป๋หม่าซื่อ” แปลว่า “วัดม้าขาว”

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังยืน, ท้องฟ้า และสถานที่กลางแจ้ง
วัดแห่งแรกของจีน ที่มีอายุอานามร่วม 2.000 ปีแล้ว วัดนี้ชื่อว่า “ไป๋หม่าซื่อ” แปลว่า “วัดม้าขาว” ตั้งอยู่ในเมืองลั่วหยาง(อดีตเมืองหลวงสมัยราชวงศ์ฮั่น) มณฑลเหอหนาน สร้างขึ้นในสมัยพระจักรพรรดิมิ่งตี้ แห่งราชวงศ์ฮั่น ซึ่งครองราชย์ราว พ.ศ.601-618

ตามตำนานบอกไว้ว่า เมื่อ พ.ศ.607 คืนหนึ่งพระจักรพรรดิฮั่นมิ่งตี้ได้ทรงพระสุบินเห็นบุรุษที่มีกายดั่งทองคำ สูงราว 20 เมตร มีรัศมีสีขาวเปล่งประกายเรืองรองรอบตัว เหาะมาจากทางทิศตะวันตก วันรุ่งขึ้นจึงทรงเล่าพระสุบินนี้ให้ขุนนางผู้ใหญ่ฟัง “จงหู” ขุนนางคนหนึ่งจึงกราบทูลว่า “เป็นไปได้ที่พระองค์จะทรงพระสุบินถึงพรพุทธเจ้าที่มาจากอินเดีย”

จากนั้น หนึ่งปีต่อมา คือในพ.ศ.608 จึงได้มีการส่งคณะทูต 18 คน ไปสืบพระพุทธศาสนาที่อินเดีย ผ่านไป 3 ปีคณะทูตก็ได้เดินทางกลับ พร้อมด้วยพระภิกษุ 2 รูป คือ พระกาศยปะมาตังคะ กับ พระธรรมรักษะ และคัมภีร์พระพุทธศาสนาส่วนหนึ่งด้วย โดยบรรทุกมาบนหลังม้าขาวตัวหนึ่ง
ในภาพอาจจะมี สถานที่กลางแจ้ง
พระจักรพรรดิมิ่งตี้ทรงดีพระทัยมาก ดังนั้น ในปี พ.ศ.612 จึงได้โปรดให้สร้างวัดขึ้นที่ชานเมืองลั่วหยาง เพื่อเป็นที่เก็บพระคัมภีร์ และให้พระภิกษุทั้งสองรูปจำวัด แล้วพระราชทานนามให้ว่า “วัดม้าขาว” เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ม้าขาวที่บรรทุกคัมภีร์มา 

พระภิกษุทั้งสองได้ช่วยกันแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาจีนหลายคัมภีร์ โดยพระกาศยปะมาตังคะ ได้แปลพระสูตรพุทธวจนะ 42 บท เป็นสูตรแรก วัดม้าขาวจึงกลายเป็นต้นกำเนิดและศูนย์กลางของพุทธศาสนามหายานในเมืองจีนมานับแต่นั้น 

มีพระสงฆ์นับพันรูปมาที่วัดแห่งนี้ รวมทั้ง หลวงจีนเหี้ยนจัง หรือ พระถังซำจั๋ง ซึ่งเริ่มต้นออกเดินทางจากวัดม้าขาว เพื่อจาริกแสวงบุญไปยังอินเดีย ในปี พ.ศ.1172 ในสมัยพระเจ้าถังไท้จง ท่านใช้เวลาศึกษาพระพุทธศาสนาและคัดลอกพระไตรปิฎก แล้วเดินทางกลับประเทศจีน ใน พ.ศ.1188 และมาเป็นเจ้าอาวาสวัดม้าขาว ซึ่งถือเป็นพระอารามหลวงในสมัยนั้น พระถังซำจั๋งได้แปลพระคัมภีร์ต่างๆ จากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาจีนอยู่หลายปี จนเสร็จสมบูรณ์ได้เป็นหนังสือรวม 1,335 หมวดหมู่ รวมทั้งได้เขียนบันทึกการเดินทาง ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นหลักฐานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ฉบับหนึ่งของโลก ปัจจุบันอัฐิธาตุของท่านก็บรรจุอยู่ในพระเจดีย์องค์หนึ่งที่วัดม้าขาวแห่งนี้

วัดม้าขาวผ่านการบูรณะปฏิสังขรณ์มาหลายยุคหลายสมัย ภายในวัดแห่งนี้จึงเป็นที่รวมของสถาปัตยกรรม และประติมากรรม ในหลากหลายยุค อาทิ ศิลาจารึกสมัยราชวงศ์ถัง กว่า 40 หลัก รูปม้าแกะสลักจากหินทรายสมัยราชวงศ์ซ่ง ขนาดเท่าตัวจริง 2 ตัว ตั้งอยู่ด้านหน้าวัด เจดีย์ 13 ชั้น ก่อด้วยอิฐสูง 35 เมตร สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์จิ้น และอารามที่เห็นอยู่ในปัจจุบันก็ก่อสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง

ปัจจุบัน วัดมีเนื้อที่ราว 80 ไร่เศษ ประกอบด้วยอาคารต่างๆ เช่น ห้องราชาแห่ง สวรรค์ ห้องพระพุทธะผู้ยิ่งใหญ่ ห้องพระไวโรจนะ ห้องสู่ทางสวรรค์ และหอพระไตรปิฎก ภายนอกวัดมีพระเจดีย์อิฐ เรียกว่า จวิ๋นหยุน เป็นพระเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในจีน ยังมีศิลาจารึกตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง รวมแล้วกว่า 40 หลัก
ในภาพอาจจะมี สถานที่กลางแจ้ง
ในปี พ.ศ.2535 พุทธศาสนิกชนชาวไทยและจีนได้ร่วมกันบริจาคเงินสร้างวิหารหนึ่งหลังในรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยขึ้นทางตะวันตกของวัด

ต่อมา พ.ศ.2548 รัฐบาลอินเดียได้สร้างสถูปสาญจีจำลองไว้ในวัด เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนทางศาสนาและวัฒนธรรมกับจีน ซึ่งแล้วเสร็จในปี 2551 ที่ผ่านมา โดยสถูปสาญจีจำลองนี้ใช้เป็นที่จัดบรรยายธรรม สวดมนต์ จัดนิทรรศการ และการสัมมนาทางพุทธศาสนา

ทุกวันนี้ วัดม้าขาวก็เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจีนที่มีผู้คนจากทั่วโลกมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 105 สิงหาคม 2552 โดยบัวน้อย)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น